Experience and Seniority
แท้จริงแล้วประสบการณ์อาจเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่าในตัวของมันเอง จนกระทั่งมันถูกตีความหมายและทำความเข้าใจโดยบุคคลซึ่งเข้าไปกระทบกับมัน เกิดเป็นคุณค่าของประสบการณ์ที่ถูกถ่ายทอดจากบุคคลนั้นต่อให้กับผู้อื่น
แต่เพราะการถ่ายทอดประสบการณ์แท้จริงเป็นการถ่ายทอดผลลัพธ์จากการตีความหมายและการทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ เราอาจพบว่าการถ่ายทอดประสบการณ์บางทีนั้นมีคุณค่าน้อยหรือมากเมื่อมันมากระทบกับเราซึ่งเอาการถ่ายทอดประสบการณ์ไปตีความหมายอีกต่อ
บางทีการตีความหมายและทำความเข้าใจประสบการณ์อาจช่วยเพิ่มคุณค่าของประสบการณ์นั้น ซึ่งก็อาจเป็นได้ทั้งการเพิ่มที่เหมาะสมหรือการเพิ่มที่โอ้อวดเกินจริง
บางทีการตีความหมายและทำความเข้าใจประสบการณ์อาจลดคุณค่าของประสบการณ์ เพราะไม่ได้ถูกถ่ายทอดโดยทัศนคติและมุมมองที่เหมาะสม ซึ่งทำให้คุณค่าที่แท้จริงสูญหายไป
ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เรารับมอบการถ่ายทอดประสบการณ์ จงแยกเนื้อของประสบการณ์ออกจากการตีความหมายและทำความเข้าใจให้ได้ และจงพยายามตีความหมายของประสบการณ์ด้วยตัวเราเองจากประสบการณ์และทัศนคติของเราขนาดนั้น เพราะในเมื่อเราเป็นผู้รับ การแปรสารให้เหมาะสมกับผู้รับซึ่งก็คือตัวเราเองนั้นอาจทำให้เราซึมซับและการันตีประโยชน์ได้ ไม่มากก็น้อย
ผู้ใหญ่มักใช้ประสบการณ์เป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับคนรุ่นหลัง แม้บางคนจะไม่มีคุณค่าใด ๆ ที่จับต้องได้ในชีวิตแต่เขาก็ยังมีช่วงเวลาที่เขาใช้ชีวิตมาซึ่งถูกตีความหมายและทำความเข้าใจกลายเป็นประสบการณ์ที่เขาภาคภูมิใจ ประสบการณ์กลายเป็นคุณค่าของคนบางคนต่อผู้อื่น
แต่ประสบการณ์เป็นสิ่งที่สัมพันธ์กับเวลา แม้จะมีใครสักคนที่ยึดติดว่าประสบการณ์ของตนเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิต เวลาก็เป็นสิ่งที่ลดคุณค่าในทุกสิ่งทุกอย่างได้เสมอ ความไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ของประสบการณ์กับเวลาสร้างปัญหาต่อไปอีกมากมาย คนรุ่งหลังเพิกเฉยต่อประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนเพราะว่ามันทู่ ไม่สามารถเอามาใช้ได้ในสภาวะการณ์ปัจจุบัน ไม่สามารถแสวงหาคุณค่าใดๆ เพิ่มขึ้นมาได้ ในขณะเดียวกันคนรุ่นก่อนซึ่งครอบครองประสบการณ์ที่หยุดชะงักและไม่สามารถหาคุณค่าได้ก็ยังคงถ่ายทอดสิ่งเดิมๆ ที่หยุดนิ่งไปแล้วซ้ำไปซ้ำมา ถ้าโชคดีมันก็มีค่า ถ้าโชคร้ายมันก็ไร้ค่า
น่าเสียดายที่การเจริญเติบโตในช่วงชีวิตของคนๆ หนึ่งและความแหลมคมของประสบการณ์ที่สั่งสมมาจะทู่ลงไปตามกาลเวลา แต่นั่นคือธรรมดาของโลกที่ต้องยอมรับ
อย่างไรก็ตามการเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้หมายถึงการเป็นผู้ไม่เติบโต เรายังเติบโตอยู่เสมอจนกระทั่งเราตายจากโลกนี้ไป บางทีหน้าที่ที่เหมาะสมของการเป็นผู้ใหญ่อาจไม่ใช่การอยู่เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ทู่ๆ หรือหยุดตัวเองเพราะแค่เกิดความรู้สึกว่าพอแล้วกับชีวิต ในเมื่อสิ่งที่ถือครอบยังคงมีคมอยู่ในบางมุม ผู้ใหญ่จึงควรที่จะตระหนักให้มากกว่านี้ถึงสิ่งที่มีอยู่และตระหนักว่ามันกำลังเสียไปตามกาลเวลา เมื่อตระหนักได้แล้วก็จงเอามันออกมาลับให้คมด้วยปัจจุบัน ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่เพื่อสร้างสิ่งที่มีคุณค่าขึ้น และส่งต่อมันในวาระสุดท้ายในสภาวะที่ประสบการณ์คมที่สุด
นี่คือหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ผูกคุณค่าของประสบการณ์ไว้เป็นคุณค่าเพียงหนึ่งเดียวที่ตนมี